เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ประวัติทีม ข้อมูลเกี่ยวกับสโมสร นักเตะ ข่าวสารอัพเดท

เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด

เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด

เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ก่อตั้งทีมฟุตบอลอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2438 และได้รับเลือกให้เล่นในดิวิชั่น 2 ตั้งแต่ ปี 1919 ย้อนหลัง เวสต์แฮมยูไนเต็ดต้องใช้เวลาเล่นในดิวิชั่น 2 โดยเล่นดิวิชั่น 1 เพียง 6 ครั้งในรอบ 37 ปี การแข่งขันในลีกไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด แต่เวสต์แฮมหวังที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับสโมสรอย่างไม่ลดละด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันทุกรายการที่จัดขึ้น และมีเพียงสองคนเท่านั้นที่จะพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ จาก รอน กรีนวู๊ด และ จอห์น ไลอัลล์ ในช่วงเวลาที่ รอน กรีนวู๊ด เข้ามาทำหน้าที่ กล่าวได้ว่าเวสต์แฮม ยูไนเต็ด รุ่งเรืองสุดขีด ในปี 1964 พวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอคัพและยูโรเปี้ยนคัพวินเนอร์สคัพ โดยเอาชนะเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ในรอบชิงชนะเลิศ

สนามเหย้า ของทีม West Ham United

ทีมเวสต์แฮม เคยได้ใช้สนาม Boleyn Ground (บุลินกราวนด์) ซึ่งในไทยและหลายประเทศ จะคุ้นกับชื่อ Upton Park (อัปตันพาร์ก) มากกว่า มีความจุอยู่ 35,647 คนแต่ตอนนี้มันเป็นอดีตไปแล้ว จากการรื้อและเปลี่ยนพื้นที่เป็นอพาร์ทเม้นท์หรู 842 ห้อง พร้อมสวนร่มรื่น ในราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาทไทย และสโมสรเองจึงเลือกเช่าสนามใหม่โดยใช้ลอนดอนสเตเดี้ยมหรือโอลิมปิคสเตเดี้ยม สร้างขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี พ.ศ. 2555 มีความจุ 80,000 ที่นั่ง ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ และที่นั่งมากกว่าสนามเก่า 1 เท่า ทำให้มีข่าวออกมาว่า ทีมเช่าล่วงหน้าถึง 99 ปี สมใจแฟนบอล ให้มีสถานที่เชียร์ทีมรักตลอดเวลาแบบอลังการ

ตราประจำสโมสร โลโก้ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด

ในปี พ.ศ. 2462 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ผ่านพ้นไป สโมสรได้รับเลือกให้เล่นในดิวิชั่นสองเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2466 เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ใช้โลโก้รูปค้อนเป็นครั้งแรก โดยลงเล่นในเอฟเอคัพประวัติศาสตร์ที่สนามเวมบลีย์ และผู้คนก็เริ่มรู้จักทีมมากขึ้น เพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์และที่มาของทีม ทำให้โลโก้เป็นรูปค้อนวางคู่กัน

  • 1950 กรอบด้านนอกที่เคยเป็นวงกลมถูกแทนที่ด้วยรูปทรงค้อนที่ยาวขึ้น และก็เปลี่ยนรูปลักษณ์
  • 1952 เพียง 2 ปีมันเริ่มปรับตัวใหม่ โดยรวมโครงแบบปี 1923 แต่ใช้ทรงค้อนแบบปี 1950 แทน
  • 1958 กลับมาใช้งานคล้ายต้นแบบของปี 1950
  • 1963 ยังคงรูปแบบและโทนสีเดิมจากปี 1958 เพียงแต่เปลี่ยนกรอบนอกเป็นสีน้ำเงิน ด้วยสมัยนั้นยังเน้นการตัดเย็บเป็นผืนผ้า
  • 1964 สโมสรสามารถเปิดทางสู่ความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรได้หลังจากฝ่าฟันมาหนึ่งปี แต่แพ้เปรสตันหลังจากนั้นหนึ่งปีพวกเขาก็เข้าสู่ถ้วยยุโรปได้สำเร็จ เริ่มเปิดทางสู่ความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสร
  • 1965 สโมสรกลายเป็นแชมป์ถ้วยยุโรปได้สำเร็จ ซึ่งเป็นถ้วยสโมสรโลกที่สูงที่สุดในขณะนี้ เทียบได้กับ ถ้วยฟุตบอลโลกของทีมชาติ จึงปรับ มีการใส่ C.W.C. เข้ามาในล่างปราสาท และถัดมา 1966
  • 1968 โลโก้ที่มีสไตล์คล้าย ๆ ของเก่า แต่เปลี่ยนเป็นแบบไม่มีสี ใช้สีร่างเป็น สีแดงเลือดหมู ออกแบบตั้งแต่ 1967 แต่ไม่ได้มีการใช้ลงเสื้อแข่งจริง
  • 1975 แน่นอนว่าปีนี้สร้างเพื่อรำลึกถึงรายการ Cup Winners ที่ทีมสามารถเข้าไปเล่นในศึก คัพ วินเนอร์ คัพ ได้
  • 1976 มีการออกแบบที่คล้ายคลึงกับปี 1975 มาก ยกเว้นกรอบด้านนอกมีการเปลี่ยนแปลงและตัดตัวอักษร Cup Winners ออก
  • 1980 หอคอยปราสาทใหม่ถูกจับมากขึ้น สีน้ำเงินถูกเพิ่มเข้าไปในหลายส่วน และส่วนของปราสาทเป็นสีทองทำให้ดูแปลกตา ซึ่งได้ทางนายเรือเอกในการแข่งขัน เป็นคนออกแบบให้นั่นเอง
  • 1983 ทางแบรนด์ Adidas ทีมเข้ามาทำเสื้อแข่งขันให้กับทีมจึงได้ปรับโลโก้ให้ดูเรียบง่าย เป็นแบบคลาสสิค ใช้ค้อนคู่ ใส มีตัวย่อ HUFC แตกต่างจากอันเก่ามาก แต่ก็ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนบอล
  • 1985 กลับมาใช้ภาพปราสาทอีกครั้ง ประกอบกับสีเดิมของชุดแข่งคือสีน้ำเงินและสีแดงเลือดหมูประดับด้วยดิ้นสีทองให้โดดเด่น และฤดูกาล 1986 ผลงานของทีมก็ดีขึ้นมาก
  • 1987 ใช้งานรูปแบบคล้ายปี 1985 แต่ใช้แค่ 2 สีของสโมสรตัดสีทองออกไป
  • 1995 สโมสรครบ 100 ปี มีการเพิ่มแนวคิดในการสร้างตราสัญลักษณ์ใหม่เพื่อเฉลิมฉลองปีก่อตั้งและครบรอบหนึ่งร้อยปี กลับไปใช้สีทองในหอคอยปราสาท
  • 1997 ถัดมาอีก 2 ปี ทีมทำการตัดคำว่า C. ออกไป มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทำปราสาทให้เป็นทองคำทั้งหมด
  • 1999 ทีมเลือกที่จะแก้โลโก้อีกรอบ โดยครั้งนี้จัดให้สีเลือดหมูเป็นพื้น ปราสาทหอคอยยังคงเป็นสีทอง และเอาสีฟ้านำมาตัดขอบ ออกมาโดนใจแฟนคลับมากและใช้งานยาวมาถึง 2016 เลยทีเดียว
  • 2015 มีการทำรำลึกตอนย้ายสนามออก จากการคืนพื้นที่ทำให้ทาง Umbro ทำเสื้อสัญลักษณ์พิเศษออกมาให้ The Boleyn Ground (อัพตัน พาร์ค) 1904-2016 โดยออกมาขายให้ทุกคน ในช่วงปลายซีซั่น ก่อนทางทีมจะย้ายไปเช่าสนามใหม่ ที่ใหญ่กว่า
  • 2016 คราวนี้ป้อมหอคอยหายไป แต่มาเน้นที่ รูปทรงค้อนให้ดูเข้มแข็ง ด้วยการใช้สีตัดขอบ และเปลี่ยนอย่างอื่นเล็กน้อย โดยให้ค้อนเป็นสีทองเด่นที่สุด และเพิ่มคำว่า London ด้านล่าง เพื่อการเริ่มต้นเข้าสู่ สนามโอลิมปิกลอนดอน มาเป็นสนามเหย้าใหม่ของทีม

โลโก้ ผลงาน เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด

ชุดแข่งขันสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ชุดแข่งขันเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ผลิตโดย อัมโบร (Umbro) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคที่สโมสรทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มีอะคาเดมีเยาวชนที่แข็งแกร่ง พร้อมกับการคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ และ ยูโรเปี้ยนคัพวินเนอร์สคัพ นอกจากนี้ยังมีสามแข้งของ “เดอะ แฮมเมอร์ส” ที่พา ทีมชาติอังกฤษ เถลิงแชมป์โลกอีกด้วย ตัวเสื้อยังคงเป็น สีม่วงแดง (Claret) และ สีฟ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำสโมสร พร้อมด้วยกางเกง และถุงเท้าสีขาว ซึ่งถูกออกแบบ และดีไซน์โดยผ่านการปรึกษากับแฟนบอลบางส่วนอีกด้วย

เกียรติประวัติสโมสร สโมสร โลโก้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

  • UEFA Cup Winners’ Cup : แชมป์ 1965
  • FA Cup : แชมป์ 1964 ,1975 , 1980 รองแชมป์ 1923 , 2006
  • League Cup : รองแชมป์ 1966 , 1986
  • FA Charity Shield : แชมป์ 1964 รองแชมป์ 1975 , 1980
  • Football League War Cup : 1 : แชมป์ 1940
  • Southern Floodlit Cup : 1 : แชมป์ 1956 รองแชมป์ 1960
  • Essex Professional Cup : 3 : แชมป์ 1951 , 1955 ( Trophy Shared ) , 1959
  • รองแชมป์ 1952 , 198
  • Football League Second Division / Football League Championship ( ดิวิชั่น 1 ) :
  • แชมป์ 1957 – 58 , 1980 – 81 รองแชมป์ 1922 – 23 , 1990 – 91 , 1992 – 93
  • แชมป์เพลออฟ 2005 , 2012 รองแชมป์เพลออฟ 2014
  • Western Football League : แชมป์ 1906-07

ผู้จัดการทีมของสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

จอห์น ไลอัลล์ ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในปี 1974 ในระยะเพียงแค่ 1ปี เท่านั้น ก็ทำให้ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ได้เป็นแชมป์ เอฟ เอ คัพ เมื่อเอาชนะ ฟูแล่ม ไปได้ 2 ประตู ต่อ 0 ในปี 1975 หลังจากนั้นต่อมาเป็นเวลา อีก 5 ปี ที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จครั้งสุดท้ายด้วยการเป็นแชมป์ เอฟ เอ คัพ เมื่อมีชัยเหนืออาร์เซนอล ที่ สนามเวมบลี่ย์ 1 ประตู ต่อ 0 ในขณะที่ เวสต์แฮม ทำได้ดีที่สุดอีกครั้ง ด้วยการเป็นทีมที่เล่นอยุ่ในดิวิชั่น 2 และในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง เวสต์แฮม ทำได้ดีที่สุดอีกครั้ง ด้วยการได้อันดับ 3 ในดิวิชั่น 1 เมื่อปี1986 และในฤดูกาล ที่1998-1999 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทำได้ดีพอสมควรโดยได้อันดับที่ 5 ในพรีมียร์ชิพ แต่ว่ามีปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรงในเรื่องของธุรกิจผลประโยชน์จากผู้จัดการทีม แฮรี่ เร๊ดแนปป์